แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Nephrology แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Nephrology แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558

3,231 คำแนะนำสำหรับการดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังก่อนการบำบัดทดแทนไต พ.ศ. 2558

คำแนะนำสำหรับการดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังก่อนการบำบัดทดแทนไต พ.ศ. 2558
โดยสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย


ลิ้งค์ คลิก

วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

3,191 ปัสสาวะเล็ดในผู้สูงอายุ

รวบรวมโดย แพทย์หญิงวันดี โภคะกุล
จัดทำโดย สถาบันเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข



ลิงค์ คลิก

วันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

3,092 เกณฑ์และแนวทางการตรวจรับรองมาตรฐานการรักษาโดยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2557

จัดทำโดยคณะอนุกรรมการตรวจรับรองมาตรฐานการรักษาโรคโดยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (ตรต) ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย  สมาคมโรคไต และแพทยสภา



วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557

3,056 การกลั้นปัสสาวะไม่ได้ในผู้สูงอายุ

โดย นพ. วันทิน ศรีเบญจลักษณ์ 
รศ.พญ. ปณิตา ลิมปะวัฒนะ
คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

เนื้อหาโดยละเอียดประกอบด้วย
-คำจำกัดความ
-ความชุกและอุบัติการณ์
-ความสำคัญของการกลั้นปัสสาวะไม่ได้
-ชนิดของการกลั้นปัสสาวะไม่ได้
-แนวทางการดูแลผู้สูงอายุที่มีปัญหาภาวะกลั้นปัสสาวะไม่ได้
-แนวทางการซักประวัติและตรวจร่างกาย
-การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
-แนวทางการรักษา
-บทสรุป

ลิงค์: http://neurosci.kku.ac.th/wp-content/uploads/2013/09/8-2-6.pdf

วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2557

2,982 Urinalysis: case presentations for the primary care physician

Am Fam Physician
2014 Oct 15;90(8):542-547

การตรวจปัสสาวะมีประโยชน์ในการวินิจฉัยโรคเชิงระบบและระบบสืบพันธุ์ ในผู้ป่วยที่สงสัยว่ามีเลือดออกทางปัสสาวะที่ต้องตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ (microscopic hematuria) การใช้แถบตรวจสนับสนุนการมีเลือด แต่ผลที่ได้ควรจะได้รับการยืนยันด้วยการตรวจโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ ในกรณีที่ไม่มีสาเหตุที่ชัดเจนการประเมินเลือดออกทางปัสสาวะที่ต้องตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ควรรวมถึงการตรวจการทำงานของไต (renal function) การถ่ายภาพทางเดินปัสสาวะและการส่องกล้่องตรวจกระเพาะปัสสาวะ (cystoscopy) ในผู้ป่วยที่มีใส่ขดลวดท่อไต, การตรวจปัสสาวะเพียงอย่างเดียวไม่สามารถให้การวินิจฉัยการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ การตรวจเอ็กซ์เรย์ไต, ท่อปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะสามารถระบุถึงการใส่ขดลวดและเป็นที่ต้องการมากกว่าการตรวจด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ การติดเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะที่ไม่มีอาการ (asymptomatic bacteriuria) คือการตรวจพบว่ามีแบคทีเรียในตัวอย่างปัสสาวะที่เก็บอย่างเหมาะสมจากบุคคลที่ไม่มีอาการของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ การรักษาการติดเชื้อที่ไม่มีอาการจะไม่แนะนำในผู้ใหญ่ที่ไม่ได้ตั้งครรภ์รวมถึงผู้ที่มีใส่สายสวนปัสสาวะเป็นเวลานาน

Ref: http://www.aafp.org/afp/2014/1015/p542.html

วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557

2,976 การใช้ยาวัณโรคในผู้ป่วยโรคไต

-ยา I และ R ไม่จำเป็นต้องปรับขนาดยาในผู้ป่วยไตวาย เนื่องจากขับออกทางน้ำดี
-ยา E และ metabolites ของ P ขับออกทางไตดังนั้นจึงต้องปรับยาดังกล่าวในผู้ป่วยโรคไตที่มี creatinine clearance น้อยกว่า 30 มิลลิลิตรต่อนาที การให้ยาจะไม่ลดขนาดยาลงแต่จะยืดระยะเวลาในการให้ยานานขึ้นเนื่องจากฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อขึ้นอยู่กับขนาดของยา (concentration dependent bactericidal)
-ยา S ควรหลีกเลี่ยงในผู้ป่วยโรคไต เนื่องจากเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดพิษต่อไตและหูมากขึ้น
-ในผู้ป่วยไตวายที่ได้ยา INH พิจารณาให้รับประทานวิตามินบี 6 (pyridoxine) ในขนาด 25-50 มิลลิกรัมต่อวันเพื่อป้องกันผลต่อระบบประสาท
-ในผู้ป่วยไตวายที่ต้องล้างไต (hemodialysis) ควรให้ยาหลังทำการล้างไตโดยเฉพาะยา PZA จะถูกกำจัดโดย hemodialysis
-โดยถ้า creatinine clearance น้อยกว่า 30 มิลลิลิตรต่อนาที ลดขนาดของ E เป็น 15-30 มก./วัน 3 วันต่อสัปดาห์, Z เป็น 20-30 มก./วัน 3 วันต่อสัปดาห์, ส่วน S ไม่แนะนำให้ใช้

Ref: แนวทางการดำเนินงานควบคุมวัณโรคแห่งชาติ พ.ศ. 2556

วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2557

2,939 ความผิดปกติของสมดุลแร่ธาตุและกระดูกจากโรคไตเรื้อรัง (Chronic kidney disease-related mineral bone disorders, CKD-MBD)

เป็นความผิดปกติทางเมตาบอลิซึมของแร่ธาตุและกระดูกที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง แต่เดิมเรียกรวมๆ ว่า renal osteodystrophy แต่ในปี 2006 ได้มีการแนะนำให้ใช้คำว่า renal osteodystrophy เฉพาะในความหมายของพยาธิสภาพของกระดูกที่เกียวข้องกับโรคไตเรื้อรังเท่านั้น และเนื่องด้วยภาวะนี้มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจด้วยจึงมีคำแนะนำให้เรียกศัพท์ใหม่ว่า chronic kidney disease-mineral and bone disorder (CKD-MBD) เพื่อบรรยายความหมายในเชิงระบบที่เกิดขึ้นทั่วร่างกาย เป็นคำที่มีความหมายที่กว้างกว่า
ซึ่งภาวะนี้ประกอบด้วยความผิดปกติของฮอร์โมนพาราไทรอยด์ (parathyroid hormone) แคลเซียม (calcium) ฟอสเฟต (phosphate) วิตามินดี (vitamin D) ผลคูณของแคลเซียมและฟอสเฟต (Ca x P) กระบวนการสร้างและการสลายกระดูก (bone turnover) รวมทั้งการมีเกลือแคลเซียมสะสม (calcifications) ในเนื้อเยื่อ เส้นเลือดหรืออวัยวะต่างๆ นำไปสู่การเจ็บป่วยพิการและเสียชีวิตในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง
พยาธิสรีรวิทยา: นื่องจากฟอสเฟตในเลือดถูกกำจัดออกทางไตเป็นหลัก เมื่อไตทำงานบกพร่องทำให้ฟอสเฟตในเลือดถูกกำจัดน้อยลง ส่งผลให้เกิดภาวะฟอสเฟตในเลือดสูง ภาวะดังกล่าวมีผลยับยั้งการสังเคราะห์ calcitriol ทำให้เกิดภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำตามมา (secondary hypocalcemia) ส่งผลกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนพาราไทรอยด์ ต่อมพาราไทรอยด์ปรับตัวต่อการสร้างฮอร์โมนพาราไทรอยด์ในขนาดสูงอย่างต่อเนื่อง ด้วยการมีขนาดเพิ่มมากขึ้น (parathyroid hyperplasia) ในขณะที่ปริมาณของตัวรับวิตามินดีและ calcium – sensing receptor ลดลง ทำให้เกิดการดื้อ (resistance) ต่อแคลเซียมและวิตามินดี ส่งผลให้ระดับฮอร์โมนพาราไทรอยด์ในเลือดสูงอย่างเรื้อรังภาวะนี้อาจจะมีลักษณะการแสดงออกอย่างใดอย่างหนึ่งหรือเกิดร่วมกัน
-มีความผิดปกติของแคลเซียม, ฟอสเฟต, ฮอร์โมนพาราไทรอยด์ (PTH), หรือเมตาโบลิซมของวิตามินดี
-มีความผิดปกติของกระบวนการสร้างและการสลายกระดูก (bone turnover), การสะสมแร่ธาตุ (mineralization), การเจริญของกระดูกในเชิงปริมาณ (volume linear growth), หรือในด้านความแข็งแร็ง
(strength)
-พบมี เกิดการสร้างกระดูกหรือการมีแคลเซียมสะสมในบริเวณที่ไม่ใช่กระดูก (extraskeletal calcificationX
ลักษณะทางคลนิกได้แก่: 
-กระดูกและข้อ : ปวดกระดูก  กระดูกหัก  กระดูกผิดรูป  เส้นเอ็นฉีกขาด, ภาวะกระดูกอ่อน (osteomalacia), osteitisfibrosa, adynamic bone disease (ABD), osteoslerosis, โรคกระดูกพรุน (osteoporosis), calcific periarthritis
-กล้ามเนื้อ: ปวดกล้ามเนื้อและความผิดปกติของกล้ามเนื้อ (myopathy)
-การหายใจ: ปอดทำงานบกพร่อง  ปอดมีพังพืด (pulmonary fibrosis) และความดันในหลอดเลือดปอดสูง (pulmonary hypertension)
-หัวใจและหลอดเลือด: กล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างขวาโต, ภาวะหัวใจล้มเหลว, ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะและภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด

วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2557

2,935 แนวทางการดูแลรักษาผู้รับการผู้ป่วยปลูกถ่ายไต

แนวทางการดูแลรักษาผู้รับการผู้ป่วยปลูกถ่ายไต
Thai Transplant Care (TTC) kidney
สมาคมปลูกถ่ายอวัยวะแห่งประเทศ ได้จัดทำแนวทางการดูแลรักษาผู้รับการปลูกถ่ายอวัยวะของประเทศไทย (Thai Transplant Care) มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแนวทางการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะให้ได้มาตรฐานสากล  รวมทั้งแนวทางปฏิบัติในการพัฒนาระบบการปลูกถ่ายอวัยวะในประเทศไทย เพื่อเผยแพร่ให้แพทย์ และหน่วยงานผู้เกี่ยวข้องต่างๆ  นำไปสู่แนวทางดูแลผู้ป่วยที่เหมาะสม


ลิ้งคฺ์ คลิก

วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2557

2,926 แนวทางคำแนะนำการรักษาภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่แบบไม่ผ่าตัด

Urinary incontinence: guidelines for nonsurgical management 

ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ (urinary incontinence, UI) เป็นภาวะที่พบได้บ่อย โดย stress UI เป็นผมมาจากการเพิ่มขึ้นของความดันในช่องท้อง เช่นจากการหัวเราะ, ไอ, จาม, การยกของหนัก ส่วน urgency UI คือการมีปัสสาวะออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจและไม่สามารถควบคุมได้ ในผู้หญิงบางคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่มีอายุมากขึ้น ความแตกต่างระหว่างทั้งสองสภาวะอาจจะไม่สามารถแยกได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะถ้าผู้ป่วยไม่ได้เล่าอาการให้แพทย์ฟัง
แนวทางคำแนะนำ
-สำหรับ stress UI การทำ pelvic floor muscle training (อาจจะโดยความช่วยเหลือจากนักกายภาพบำบัดที่เชี่ยวชาญเฉพาะ) เป็นสิ่งที่แนะนำ ส่วนการรักษาด้วยยาไม่แนะนำ
-สำหรับ urgency UI การทำ bladder training เป็นสิ่งที่แนะนำ ถ้าการทำ bladder training ไม่สำเร็จ แนะนำการรักษาด้วยยา
-ในกรณีที่มีทั้งสองสภาวะร่วมกัน (stress and urgency UI) แนะนำทั้งการทำ pelvic floor muscle training และ bladder training
-สำหรับผู้หญิงที่อ้วนที่มีภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ การลดน้ำหนักและการออกกำลังกายเป็นสิ่งที่แนะนำ

Ref: http://www.jwatch.org/na35728/2014/09/15/urinary-incontinence-guidelines-nonsurgical-management

วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2557

2,902 Autosomal dominant polycystic kidney disease (ADPKD)

American family physician
September 1 2014 Vol. 90 Number 5

โรคไตเป็นถุงน้ำชนิดพันธุกรรมเด่น (autosomal dominant polycystic kidney disease, ADPKD) เป็นสาเหตุที่พบมากที่สุดของโรคไตที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ถุงน้ำที่มีขนาดใหญ่ ภายในไตเป็นลักษณะเด่นทางคลินิกของโรคนี้ ลักษณะที่แสดงออกของไตรวมถึงความแตกต่างของการบาดเจ็บที่ไต, การติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ, นิ่วในไต, และการมีปัสสาวะเป็นเลือด อาการภายนอกไตรวมถึงความเจ็บปวด, ความดันโลหิตสูง, หัวใจห้องล่างซ้ายหนาตัว, ถุงน้ำที่ตับ, หลอดเลือดโป่งพองในสมอง, โรคถุงผนังลำไส้ใหญ่ (diverticulosis) และใส้เลื่อนที่ท้องและขาหนีบ
การดำเนินของ ADPKD ไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้ด้วยการรักษาในปัจจุบัน ดังนั้นเป้าหมายคือการรักษาอาการทางคลินิกที่เกิดขึ้น การตรวจค้นหาตั้งแต่เนิ่นๆ และการรักษาภาวะความดันโลหิตสูงมีความสำคัญเพื่อที่จะหยุดยั้งการดำเนินงานของไตที่ผิดปกติ และการเกิดภาวะแทรกซ้อนของหัวใจและหลอดเลือด
การจัดการความเจ็บปวดรวมถึงการประเมินความเจ็บป่วยที่มีร่วมด้วย การใช้ยาแก้ปวดและการรักษาเสริม (adjuvant therapy) ยา fluoroquinolones เป็นกลุ่มของยาปฏิชีวนะที่มีประโยชน์มากที่สุดในการรักษาของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะเนื่องจากคุณสมบัติ lipophilic และการความสามารถในการต่อต้าน-ฆ่าเชื้อแบคทีเรียแกรมลบที่ทำให้เกิดโรค
โรคนิ่วในไตพบมากขึ้นเป็นสองเท่าในผู้ที่เป็น ADPKD เมื่อเทียบกับประชากรทั่วไปและจะสงสัยถ้ามีอาการปวดสีข้างโดยมีหรือไม่มีปัสสาวะเป็นเลือด การมีเลือดออกจากกระเพาะปัสสาวะ (cystic hemorrhages) มักจะหายภายในหนึ่งสัปดาห์ ถึงแม้ว่าปัสสาวะที่มีเลืดออกที่ต้องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์อาจจะยังคงมีอยู่ และเนื่องจากผลกระทบของเอสโตรเจนที่ทำให้เกิดการเจริญของถุงน้ำในตับ ดังนั้นการใช้ยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนและการรักษาด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนวัยหมดประจำเดือนควรจะโดยให้เกิดประสิทธิภาพในขนาดยาที่ต่ำที่สุดหรือหลีกเลี่ยงในผู้ป่วยที่มี ADPKD การโป่งพองของหลอดเลือดในสมองเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเท่าในผู้ป่วยที่มี ADPKD มากกว่าในประชากรทั่วไป การอัลตร้าซาวด์ไตเป็นการตรวจวินิจฉัยทางเลือกเพื่อที่จะค้นหาที่มีความเสี่ยงสำหรับ ADPKD

Ref: http://www.aafp.org/afp/2014/0901/p303.html

วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2557

2,888 Suprapubic bladder aspiration

Videos in clinical medicine
N Engl J Med  September 4, 2014

การเจาะดูดน้ำปัสสาวะทางท้องน้อย (suprapubic bladder aspiration) จะดำเนินการเพื่อให้ได้ตัวอย่างปัสสาวะที่ไม่ปนเปื้อนเชื้อในเด็ก ในกรณีที่ไม่สามารถมองเห็นท่อปัสสาวะได้อย่างชัดเจนเพียงพอ เช่นในเด็กผู้หญิงที่มีการติดกันของ labia หรือมีการบวมของ labia ในเด็กผู้ชายที่ไม่ได้คลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศแล้วหนังหุ้มไม่เปิด, ในเด็กที่มีภาวะบางอย่าง เช่น ท้องเสียรุนแรงซึ่งเป็นการยากที่จะทำให้ได้ปัสสาวะซึ่งปราศจากเชื้อ ในเด็กที่พยายามเก็บปัสสาวะโดยการใส่สายสวนปัสสาวะผ่านทางท่อปัสสาวะหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ, และในเด็กที่มีประวัติเคยผ่าตัดท่อปัสสาวะหรือรูเปิดซึ่งอาจจะเป็นการยากที่จะทำการสวนปัสสาวะ
ก่อนที่จะทำหัตถการนี้ควรจะได้อธิบายวัตถุประสงค์ ความเสี่ยง และประโยชน์แก่ครอบครัวหรือผู้ปกครองของผู้ป่วย และผู้ป่วยควรจะได้รับโอกาสในการสอบถาม ซึ่งในบางสถาบันอาจต้องมีการเขียนแบบฟอร์มหลักฐานของการยินยอมร่วมด้วย โดยในบทความนี้จะกล่าวถึงทั้งการใช้และการไม่ใช้อัลตร้าซาวด์ช่วยในการทำ
เนื้อหาโดยละเอียดประกอบด้วย
-Overview
-Indications
-Contraindications
-Equipment
-Analgesia
-Anatomy
-Procedure
-Complications
-Summary
-Source information

Ref: http://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMvcm1209888

วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2557

2,874 ข้อแนะนำเวชปฏิบัติ การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม พ.ศ. 2557

ข้อแนะนำเวชปฏิบัติ การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม พ.ศ. 2557 (Hemodialysis Clinical Practice Recommendation 2014) 
โดยสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย
สนับสนุนโดย สปสช.


เนื้อหาโดยละเอียดประกอบไปด้วย
ตอนที่ 1 บทสรุปข้อแนะนำเวชปฏิบัติการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม 
ตอนที่ 2 ขอแนะนำเวชปฏิบัติการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม 
ตอนที่ 3 กระบวนการจัดทำข้อแนะนำเวชปฏิบัติการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม พ.ศ. 2557 

วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2557

2,853 Kidney transplantation in children

Review article
N Engl J Med     August 7, 2014

ตั้งแต่ครั้งแรกที่การปลูกถ่ายไตที่ประสบความสำเร็จในปี 1954 ได้กลายเป็นรักษาที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยผู้ใหญ่ที่มีไตวาย แต่อย่างไรก็ในช่วงแรกของการปลูกถ่ายไตในเด็กมีความซับซ้อนโดยเทคนิค, ภูมิคุ้มกันและปัญหาระบบการจัดการขนส่ง (โลจิสติก) ทั้งหมดที่นำไปสู่การที่​​ผู้ป่วยแย่ลงและการอยู่รอดของอวัยวะปลูกถ่ายในเด็กมากกว่าที่เคยพบในผู้ใหญ่ ที่ผ่านมา 15 ปี ความก้าวหน้าได้มีมากขึ้นเรื่อยๆ และความอยู่รอดของผู้ป่วยเด็กและไตที่ทำการปลูกที่มากขึ้น
ในบางแง่มุมทางคลินิกของการปลูกถ่ายไตมีความคล้ายคลึงระหว่างเด็กและผู้ใหญ่ ยากดภูมิคุ้มกันและสูตรยาที่ใช้ก็คล้ายๆ กัน ครีเอตินินเป็นตัวบ่งชี้ทางชีวภาพที่สำคัญ การปฏิเสธการปลูกถ่ายไตแบบเฉียบพลัน (acute rejection) ถูกกำหนดโดยการตรวจชิ้นเนื้อแล้วใช้เกณฑ์ Banff criteria เพื่อการจัดหมวดหมู่ของการปฏิเสธการปลูกถ่าย และกลไกการปฏิเสธการปลูกถ่ายไตจะมีความคล้ายกัน แต่ในด้านอื่น ๆ อาจมีแตกต่างกันในระหว่างเด็กและผู้ใหญ่
เนื้อหาโดยละเอียดประกอบด้วย
-The Immune System in Childhood
-Considerations before Transplantation
   Causes of Kidney Failure
   Urologic Issues
   Immunizations
   Prioritized Allocation of Kidneys to Children
-Surgical Issues at Transplantation
-Considerations after Transplantation
   Graft Survival
   Viral Infections
   Growth Concerns
   Transition of Care
-Pediatric Immunosuppression — Lessons from Clinical Trials
-Future Therapeutic Developments
-Summary
-Source Information

อ้างอิงและอ่านต่อโดยละเอียด http://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMra1314376

วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

2,830 การใช้่ยาวัณโรคในผู้ป่วยโรคไต

-ยา INH และ RMP ไม่จำเป็นต้องมีการปรับขนาดยาในผู้ป่วยไตวาย เนื่องจากขับออกทางน้ำดี
-ยา EMB และ metabolites ของ PZA ขับออกทางไต ดังนั้นจึงต้องปรับยาดังกล่าวในผู้ป่วยโรคไตที่มี อัตราการกรองของไตน้อยกว่า 30 มล/นาที โดยการให้ยาจะไม่ลดขนาดยาลงแต่จะยืดระยะเวลาในการให้ยานานขึ้น เนื่องจากฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อขึ้นอยู่กับขนาดของยา (concentration dependent bactericidal) ขนาดยาในผู้ป่วยโรคไต
-ยา SM ควรหลีกเลี่ยงในผู้ป่วยโรคไต เนื่องจากเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดพิษต่อไตและหูมากขึ้น
-ในผู้ป่วยไตวายที่ต้องล้างไต (hemodialysis) ควรให้ยาหลังทำการล้างไต โดยเฉพาะยา PZA จะถูกกำจัดโดย hemodialysis

แนวทางเวชปฏิบัติการรักษาวัณโรคในผู้ใหญ่ พ.ศ. 2556
ลิ้งค์ http://203.157.45.179/yala12/wp-content/uploads/2014/01/CPG-TB-17-May-56-corrected.pdf

วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

2,818 Acute kidney injury and chronic kidney disease as interconnected syndromes

Review article
N Engl J    Med July 3, 2014

นานกว่า 40 ปีมาแล้วที่แพทย์ด้านโรคไตได้แบ่งการทำงานของไตที่ลดลงเป็นสองกลุ่มอาการที่แตกต่างกัน คือไตวายเฉียบพลันและไตวายเรื้อรัง ในขณะที่เป็นโรคไตเรื้อรังได้รับการยอมรับในศตวรรษที่ 19 ซึ่งความผิดปกติของไตอย่างเฉียบพลันมีหลักฐานในช่วงที่มีการระเบิดทำลายในลอนดอนของสงครามโลกครั้งที่ 2
ด้วยความจริงที่ว่าการบาดเจ็บที่เกิดการถูกกดหรือทับอาจเป็นสาเหตุได้อย่างรุนแรงแต่การทำงานของไตมักจะกลับมาปกติ ระดับของโรคและระยะของอาการไตวายเฉียบพลันและเรื้อรังมีการจำแนกไปตามระดับของครีเอตินินหรืออัตราการกรองของไต สิ่งที่แสดงถึงการทำงานไตนี้ได้รับการระบุไว้ในช่วงต้นของทศวรรษที่ 20 ซึ่งการลดการทำงานของไตในขั้นรุนแรงของกลุ่มอาการทั้งสองจะให้รับการรักษาด้วยการฟอกเลือด
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แนวคิดการแยกรูปแบบของความต่างหากในไตวายเรื้อรังและไตวายเฉียบพลันถูกพัฒนาขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดวิธีการวิจัยทางคลินิกและการทดลองศึกษาแต่อย่างไรก็ตามการศึกษาทางระบาดวิทยาและกลไกล่าสุดแสดงให้เห็นว่าทั้งสองกลุ่มอาการไม่สามารถแยกออกจากกันได้ทั้งหมด แต่มีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด โดยไตวายเรื้อรังเป็นปัจจัยเสี่ยงสำหรับการทำงานลดลงเฉียบพลันของไต และการทำงานลดลงเฉียบพลันของไตก็เป็นปัจจัยเสี่ยงสำหรับการการเกิดโรคไตเรื้อรังและทั้งสองเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
เนื้อหาโดยละเอียดประกอบด้วย
-Definition of Acute Kidney Injury
-Epidemiologic Evidence for Interconnection of the Two Syndromes
-Acute Kidney Injury, Chronic Kidney Disease, and Cardiovascular Disease
-Progression of Chronic Kidney Disease after Acute Kidney Injury
-Chronic Kidney Disease as a Risk Factor for Acute Kidney Injury
-Unanswered Questions
-Source Information

อ้างอิงและอ่านต่อโดยละเอียด http://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMra1214243

วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2557

2,800 แอพพลิเคชั่นในการคำนวน GFR สูตรต่างๆ

แอพพลิเคชั่นในการคำนวน GFR สูตรต่างๆ ได้แก่
-CKD-EPI Creatinine 2009 Equation
-MDRD Study Equation
-Cockcroft-Gault Formula
-CKD-EPI Cystatin and Creatinine 2012 Equation
-Revised Bedside Schwartz Formula (For ages 1-17)

สามารถดาวน์โหลดติดตั้งได้ฟรี โดยใช้กับอุปกรณ์ที่เป็น  iPhone, iPad และ Android 
ตามลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.kidney.org/apps/app_eGFR.cfm